การแข่งขันประเภททีมถือเป็นการดึงความสามารถสูงสุดของนักกีฬาออกมา โดยเฉพาะเมื่อต้องลงเล่นในฐานะตัวแทนของประเทศ แรงกระตุ้น, สปิริต และความภาคภูมิใจที่นักกีฬาแสดงคือภาพทัวร์นาเมนต์ในฝันสำหรับแฟนๆ ที่จะได้สนุกตื่นเต้นอย่างมีส่วนร่วม
สำหรับวงการกอล์ฟแล้ว ไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้เล่นจะได้โอกาสเล่นเป็นตัวแทนของชาติในฐานะนักกอล์ฟอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ไหนของโลกล้วนแล้วแต่ใช้การแข่งขันแบบเดี่ยวเป็นประจำทุกสัปดาห์
อย่างไรก็ดีสัปดาห์นี้ (22-25 พ.ย.) จะมีนักกอล์ฟ 56 คนเป็นตัวแทนของ 28 ชาติทั่วโลกร่วมการแข่งขันกอล์ฟประเภททีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่ง นั่นคือ เวิลด์ คัพ ออฟ กอล์ฟ ซึ่งปีนี้จัด ณ สังเวียนเมโทรโพลิแทน กอล์ฟ คลับ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
การแข่งขันประเภททีมที่มีประวัติศาสตร์อันเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง พิสูจน์ได้จากรายชื่อสุดยอดนักกอล์ฟที่เคยมาจับคู่คว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วอย่าง เบน โฮแกน-แซม สนีด, อาร์โนลด์ พาลเมอร์-แจ็ค นิคลอส, เดวิด ดูวัล-ไทเกอร์ วูดส์, เดวิด เลิฟ เดอะ เธิร์ด-เฟรด คัพเพิล และ เออร์นี เอลส์-รีทีฟ กูเซน
สำหรับชาติในทวีปเอเชียเคยก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ 3 ครั้ง เริ่มจากทีมญี่ปุ่นในปี 1957 ต่อด้วยไต้หวันในปี 1972 และทีมญี่ปุ่นทำได้อีกครั้งในปี 2002
ในส่วนของทีมไทยปีนี้ กิรเดช อภิบาลรัตน์ ชายไทยคนแรกที่ได้ พีจีเอ ทัวร์ การ์ด ฤดูกาล 2018-2019 ตัดสินใจเลือก พรหม มีสวัสดิ์ เจ้าของแชมป์ เอเชียน ทัวร์ 2 รายการ มาจับคู่ด้วย
“หากคว้าแชมป์เวิลด์ คัพได้ มันจะมีความหมายมากๆ เราเล่นเพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรือแคดดี้ เรากำลังเล่นเพื่อคนไทย 70 ล้านคน มีธงชาติไทยปักอยู่ที่หน้าอก ดังนั้นจึงมีความกดดันขึ้นเล็กน้อยที่ต้องเล่นเพื่อประเทศชาติ หากคว้าแชมป์เวิลด์ คัพได้ ทั่วโลกจะรู้ว่าเรามาจากประเทศนี้” โปรอาร์ม กล่าว
เกียรติยศและแรงกระตุ้น การต่อสู้กันของแต่ละชาติช่วยเพิ่มความสำคัญให้กับศึก เวิลด์ คัพ ออฟ กอล์ฟ และสองผู้เล่นตัวแทนชาติไทยหวังว่าจะนำความภาคภูมิใจและชัยชนะมาสู่ประเทศชาติอย่างแน่นอน